วันอาทิตย์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2555


ประวัติความเป็นมาของขนมอบ



ขนมปังได้ชื่อว่าเป็นผลิตผลเพื่อยังชีวิต เป็นสัญลักษณ์ของความดีงาม ความอบอุ่น และความปลอดภัยมานาน
 ตั้งแต่สมัยคัมภีร์ไบเบิ้ล (Bibeical Times) แต่ยังไม่มีใครกล้ายืนยันว่าผู้ใดทำขนมปัง
เป็นคนแรกเท่าที่เล่าฟังกันต่อๆ มาว่า ชาวสวิสที่อาศัยอยู่ตามทะเลสาบในยุคหินเป็นผู้ริเริ่มนำเมล็ดข้าวสาลี 
มาบด โดยใช้ครกหยาบๆ ตำแล้วนำไปผสมน้ำ เทส่วนผสมนี้ลงไปบนหินร้อนๆ เพื่อให้สุกผลที่ได้ก็คือ 
ขนมปังที่ขึ้นฟูโดยไม่ตั้งใจซึ่งค้นพบมากกว่า 3,000 ปีก่อนคริสตกาล ประวัติที่ยอมรับสืบเนื่องกันมาก
ก็คือพวกทาสในสมัยราชวงศ์อียิปต์ ได้ผสมก้อนแป้งที่ลืมทิ้งไว้ลงไปในแป้งที่ผสมเสร็จใหม่ๆ ผลก็คือได้ขนมปังที่เบาและเลิศรส
ในปัจจุบันนี้การทำขนมปังอบนั้นนับว่าเป็นศิลปอย่างหนึ่ง ซึ่งต้องการความชำนาญเป็นอย่างมากในกรณีที่ทำเป็น
จำนวนมากเพื่อจำหน่ายจะพบอุปสรรคนานัปการทางด้านเครื่องมือ ทุกวันนี้ความเจริญก้าวหน้าของการทำ
ขนมอบหาได้ขึ้นอยู่กับผู้ทำอย่างเดียวไม่โรงโม่แป้งซึ่งสามารถผลิตแป้งที่มีคุณภาพดี และผู้คิดประดิษฐ์
เครื่องทุ่นแรงเช่นเตาอบที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ เครื่องผสมและเครื่องปั้นให้เป็นรูปแบบ 


ความหมายของขนมอบ



ขนมอบที่มาจากทางชาติตะวันตกที่เรามักเรียกรวม ๆ กันว่าขนมปัง หรือเบเกอรี่นั้นมีหลายชนิด 
รูปร่างหน้าตาก็ต่าง ๆ กันไปทั้งดัดแปลง ปรับปรุง เพิ่มเติมทั้งรูปทรงและรสชาติตามชอบใจ จริง ๆ 
แล้วเราสามารถแบ่งได้เป็นประเภทคร่าว ๆ และเรียกชื่อตามประเภทได้ การแบ่งประเภท
 และเรียกชนิดของขนมอบให้ถูกนั้น จะทำให้เราสามารถแยกแยะได้ทั้งรูปทรง รสชาติ 
และที่สำคัญคือวิธีการทำขนมซึ่งถ้าเรารู้พื้นฐานอย่างง่าย ๆ แล้วก็จะสามารถนำไปสร้างสรรค์ 
คิดค้นได้เพิ่มเติมตามจินตนาการของเราเองยังไงล่ะคะ ขนมปัง ทุกคนก็คงทราบกันดีอยู่แล้วว่า
เจ้าก้อนกลม ๆ สีน้ำตาลเหลืองหอมเนื้อข้างในสีขาวนุ่ม ๆ ไงล่ะ ใช่แล้วค่ะ ขนมปังทำจากแป้งสาลีผสมน้ำ
 ยีสต์คือตัวทำให้ฟู มีเกลือและอาจมีส่วนผสมอื่น ๆ เช่นน้ำตาล นมผง ไข่ ไขมัน เนย หรือผลไม้เครื่องเทศต่าง ๆ








จุดมุ่งหมายของการทำขนมอบ

การ ทำอาหาร และขนมผู้ประกอบอาหารจะทำให้ได้ผลดีต้องขึ้นอยู่ที่การฝึกฝน และรู้วิธีการทำอาหาร รู้จักดัดแปลง ตกแต่งอาหารชนิดต่าง ๆ ให้สะดุดตาสะดุดใจต่อผู้ได้พบเห็น ทำให้เกิดความอยากรับประทานอาหารเมื่อรับประทานแล้วจะต้องติดใจในรสชาติ และ กลิ่นของอาหาร การทำอาหารผู้ทำจึงควรหมั่นฝึกฝนจนเกิดความชำนาญเพื่อให้มีประสบการณ์ต่อ อาหารชนิดนั้นๆ และเพื่อเป็นการปูพื้นฐาน




 สิ่งจำเป็นในการทำขนมอบ



การประกอบอาหาร-ขนม ถ้าผู้เริ่มฝึกหัดทำรู้จักตระเตรียมงานวางแผนงานแล้ว สิ่งที่จำเป็นสำหรับผู้ประกอบอาหารควรศึกษา ได้แก่
1. ศึกษาจากตำรับอาหารที่ถูกต้องว่าอาหารชนิดต่าง ๆ ต้องเตรียมอะไรก่อน เตรียมอะไรทีหลัง
2. ศึกษาวิธีชั่ง ตวงให้ถูกต้อง ควรรู้จักถ้วยตวง ช้อนตวงมาตรฐานที่จะนำมาตวงอาหาร เครื่องชั่งที่ใช้ในการชั่งน้ำหนักอาหารต้องเที่ยงตรง
3. ศึกษาส่วนผสมให้ถูกต้อง เพราะเค้ก คุกกี้ พาย จะมีส่วนผสมแตกต่างกัน
4. ศึกษาวิธีการปฏิบัติอาหารชนิดนั้น ๆ ให้ถูกต้อง
5. ศึกษาการใช้เครื่องมือ เครื่องใช้ต่างๆ ให้ถูกต้องเมื่อได้ศึกษาถึงวิธีการต่าง ๆ ดังที่กล่าวมาแล้ว
6. การทำเองเป็นการทำเพื่อรับประทานจำนวนน้อยย่อมอร่อยและสะอาดกว่าอาหารที่เขาทำขาย

                                                     




สุขลักษณะในการทำขนมอบ

อาหาร เป็นทางติดต่อเชื้อโรคที่สำคัญทางหนึ่งด้วยการรับประทานอาหารเข้าไปในร่าง กาย ถ้าผู้ประกอบอาหารทำไม่สะอาดเครื่องมือเครื่องใช้ไม่สะอาด เชื้อโรคจะปนไปกับอาหารได้ ในด้านส่วนตัวของผู้ประกอบอาหาร ถ้าไม่สะอาดหรือเป็นโรคติดต่ออาหารที่ทำอาจจะเป็นพาหะทำให้ผู้บริโภคติดโรค ได้ เช่น
ก. ร่างกายผู้ปรุงอาหารต้องไม่เป็นโรคติดต่อ หรือไม่ควรให้คนที่เป็นโรคปรุงอาหาร ร่างกายของผู้ปรุงต้องสะอาด สำคัญที่สุดได้แก่ มือ ผู้ประกอบอาหารต้องล้างมือก่อนที่จะปรุงอาหาร และถ้าร่างกายส่วนอื่นๆ ไม่สะอาดก็อาจเป็นสื่อนำเชื้อโรคให้ร่วงหล่นลงไปในอาหารได้
ข. เครื่องแต่งกายต้องสะอาดเพราะฝุ่นหรือสิ่งสกปรกอาจปลิวไปถูกต้องกับส่วนของ อาหารได้ ผู้ประกอบอาหารจึงควรมีผ้ากันเปื้อน ผูกเอวหรือผูกปิดหน้าอกเป็นเครื่องป้องกัน ทั้งยังเป็นการกันไม่ให้เสื้อผ้าเปื้อน และมีกลิ่นอาหารติดเสื้อผ้า


 





คุกกี้เนยสด 










ตรียมส่วนผสมค่ะ
1. แป้งเอนกประสงค์ตรา "ว่าว" 400 กรัม
2. ผงฟู 1 1/2 ช้อนชา
3. น้ำตาลทรายขาว 180 กรัม
4. เกลือ 1/2 ช้อนชา
5. ไข่ไก่ 1 ฟอง
6. เนยสดรสเค็ม 300 กรัม
7. นมสดรสจืด 2 ช้อนโต๊ะ
8. กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา

อุปกรณ์ที่ต้องใช้ค่ะ
1. เครื่องตีไข่
2. หัวตีรูปใบไม้
3. เครื่องบีบหรือเครื่องกดตามถนัดค่ะ
4. ถาดอบคุกกี้ 
5. ตะแกรงผึ่งคุ้กกี้
6. ขวดโหลหรือกล่องพลาสติกใสสวย ๆ

ลงมือกันเถอะ
1. วอร์มเตาค่ะ เราต้องการอุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส 
2. ร่อนแป้งกับผงฟูพักไว้
3. มาที่เครื่องตีไข่ค่ะ ตีเนยสดให้กระจายตัวด้วยความเร็วปานกลาง แล้วก็ใส่น้ำตาลทรายตามลงไป ตีจนขึ้นฟู
4. ใส่เกลือ ไข่ไก่และกลิ่นวานิลลาลงไปค่ะ
5. เมื่อเข้ากันดีแล้วก็ตามด้วยนมสดเลยค่ะ ตีต่อไปเรื่อย ๆ จนส่วนผสมเข้ากันดี หากมีบางส่วนยังไม่เข้ากับเพื่อนก็ใช้พายยางช่วยได้ค่ะ
6. ค่อย ๆ เทแป้งลงไปค่ะ แบ่งเป็น 4 ส่วนแล้วเทลงไปทีละส่วนนะคะ ใจเย็น ๆ เอาล่ะคราวนี้เราก็ได้ส่วนผสมที่ข้นเหนียวแล้ว
7. นำส่วนผสมที่ได้ใส่เครื่องกด แล้วกดลงบนถาด ห่างกันประมาณ 1 นิ้วนะคะ
8. ต่อไปก็เอาเข้าเตาอบได้เลย ที่อุณหภูมิ 200 องศา ใช้เวลาในการอบ 10-12 นาที
9. เมื่อสุกแล้ว รีบแซะออกจากถาดเลยค่ะ ผึ่งให้เย็น แล้วก็บรรจุขวดโหลหรือกล่องพลาสติกได้เลย

ส่วนผสมที่ได้จะข้นเหนียวมากเลยนะคะ ใครที่ใช้ถุงบีบอาจจะไม่ไหว ขอแนะนำให้ใช้เครื่องกดดีกว่าค่ะ และหากใครชอบแต่งหน้าคุ้กกี้ ก็ลองใส่ลูกเกด หรือ Chocolate Chip ลงไปซิคะ น่ารักดีเหมือนกัน ขอให้สนุก และอร่อยค่ะ